GOOGLE MAP
1.เข้าที่เว็บไซต์ https://maps.google.co.th/
2.พิมพ์สถานที่ที่ต้องการ แล้วเลือก
3.กำหนดตำแหน่งและเส้นทางของสถานที่ที่ต้องการ
5.กำหนดขนาดตามที่ต้องการ
6.เมื่อกำหนดเสร็จ ก็ทำการ Copy โค้ดที่ได้ทั้งหมด
7.นำโค้ดที่ได้มาวางในส่วนที่ต้องการให้แสดงผล
8.เมื่อทำเสร็จให้ Save แล้วกดปุ่ม F12
เพื่อแสดงผล
เทคนิกการทำ SEO website
การ ทำ SEO
หรือ Search
Engine Optimizer นั้นเป็นการทำให้โครงสร้างข้อมูลภายในเว็บของเราที่บรรจุอยู่ใน
HTML ของเรา และพวก URL ของเรานั้น มีความหมายและทำให้ Crawler (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกเป็น
Search Engine เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเนื้อหาของเราได้ง่าย
และตรงกับความต้องการให้ได้มากทีสุด
ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ใช้ XHTML ร่วมกับ CSS โดยที่ XHTML นั้นเป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ข้อมูลและมี
Tag พวก XHTML ต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาให้น้อยที่สุด
โดยมีแต่ส่วนที่กำหนดพื้นที่สำหรับแสดงผลต่าง ๆ เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยใช้พวก <div> และ <span> แล้วกำหนดพื้นที่ของ
Layout ด้วยชื่อที่กำหนดใน id หรือ class
และโยนหน้าที่การกำหนด Layout ต่าง ๆ ไปที่ CSS ทั้งหมด
เพื่อลดขนาดของไฟล์ HTML ที่ตัว Search
Engine จะดึงไปเพื่อทำการ Parse ข้อมูลออกมา
ทำให้ Search Engine ใช้เวลาประมวลผลต่าง ๆ ลดลงได้มากด้วย แถมลด B/W ลงไปได้เยอะมาก
ๆ ในกรณีที่เว็บของเรานั้นมี Priority ในการเข้ามา index
ข้อมูลของ Search
Engine สูง ๆ
เทคนิดง่าย ๆ แต่ได้ผลนั้นผมสรุปจาก Best
and Worst practices for designing a high traffic website อีกทีครับ
1. ใส่ Keywords หลัก ๆ ลงบน Title
เพราะเป็นพื้นที่ที่ระบบ Search Engine ใช้ในการเข้ามา
index ข้อมูลอันดับแรก ๆ
2. ใช้ tag Heading (พวก
<h*></h*> ต่าง ๆ)
ให้เป็นประโยชน์เพื่อให้ Search Engine นั้นเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ในส่วนนี้ก่อนเสมอ
เพราะ Search Engine จะมองว่า Heading เป็นเหมือนหัวหลักของเนื้อหาเพื่อนำไปใช้สรุปเนื้อหาตอนค้นหาต่อไป
3. ใช้ alt, title, id, class และพวก caption
ต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายข้อมูลนั้น ๆ เพราะ Search Engine ไม่เข้าในว่ารูปภาพ
หรือข้อมูลพวก Binary ต่าง ๆ ว่ามันคืออะไร
เช่น<img src=”dog.jpg” alt=”Dog jumping into the air” />
เช่น<img src=”dog.jpg” alt=”Dog jumping into the air” />
4. ใช้ META Tag ถึงแม้ว่า META
Tag จะเป็นเทคนิคเก่า ๆ นับตั้งแต่มี WWW แต่ก็เป็นการดีที่เราควรจะมีไว้
เพราะ Search Engine ยังคงใช้ข้อมูลนี้เพื่อการจัดอับดับข้อมูลของเรา
ในกรณีที่ข้อมูลในหน้านั้น ๆ มีมากเกินไป
5. ใช้ Sitemap โดยการสร้าง Sitemap
นั้นมีเครืองมือให้ใช้อยู่มากมาย และยิ่งใช้พวก CMS/Blogware ต่าง
ๆ พวก Drupal, WordPress, XOOP,
Joomla/Mambo, PHP-nuke ฯลฯ ก็มี module/component/plug-in เข้ามาช่วยสร้าง Sitemap ให้แทบทั้งนั้น โดยประโยชน์ของ Sitemap นั้นช่วยให้ตัว
Search Engine นั้นไม่ต้องวิ่งไต่ไปตามลิงส์ต่าง ๆ
ของเว็บของเราเพื่อเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด และยิ่งเว็บมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก ๆ
ยิ่งทำให้หน้าที่อยู่ในส่วนของรากลึก ๆ ต้นไม้ที่เป็นลำดับของลิงส์นั้นเข้าถึงยาก
การมี Sitemap จึงช่วยในการบ่งบอกกับ Search
Engine ได้ว่าเว็บของเรามีหลายอะไรอยู่บ้าง เพื่อให้ตัว Search Engine เข้ามา
Index ข้อมูลได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น
6. ทำ URL Friendly หรือ Rewrite
URL การทำ URL
Friendly นั้นช่วยให้ Search
Engine เข้าใจ URL
ของเราและทำให้การเก็บ URL และแสดงผล URL เพื่อลิงส์กลับมาหน้าต่าง
ๆ ของเว็บเรานั้นทำได้ง่ายมากขึ้น
เปลี่ยนรูปทุกรูปในpageให้เบลอๆ เมื่อเอา mouseชี้รูปจะกลับเป็นปกติ
a:link
img {filter:blur(add = 0, direction = 225, strength = 10);}a:visited img
{filter:blur(add = 0, direction = 225, strength = 10);}a:hover img {filter:
none}
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น